อุปสงค์
ปริมาณสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่มีผู้ต้องการซื้อ
กฎของอุปสงค์
ปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการซื้อในขณะใดขณะหนึ่งจะมีความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามกับราคาสินค้าชนิดนั้น
อุปทาน
ปริมาณสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ผู้ผลิตเต็มใจนำออกเสนอขายในตลาดภายในระยะเวลาหนึ่ง
กฎของอุปทาน
ปริมาณสินค้าที่ผู้ผลิตเต็มใจจะนำออกขายในระยะเวลาหนึ่งขึ้นอยู่กับราคาสินค้านั้นๆ ในทิศทางเดียวกัน” กล่าวคือ เมื่อราคาสินค้าสูงขึ้นปริมาณอุปทานจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตมีความต้องการที่จะเสนอขายมากขึ้น เพราะคาดการณ์ว่าจะได้กำไรสูงขึ้น ในทางกลับกัน เมื่อราคาสินค้าลดลงปริมาณอุปทานจะน้อยลง เนื่องจากคาดการณ์ว่ากำไรที่ได้จะลดลง
เงินเฟ้อ
หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าโดยทั่วๆ ไปเพิ่มสูงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องหากสินค้ามีระดับราคาสินค้าสูง ณ เวลาใดเวลาหนึ่งก็ยังไม่ถือว่าเกิดเงินเฟ้อ จำเป็นต้องสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจมีสินค้าบางชนิดราคาสูงขึ้น ขณะที่ราคาสินค้าบางชนิดคงที่หรือลดต่ำลง
สาเหตุ = สาเหตุที่เกิดจากแรงดึงของอุปสงค์ ได้แก่ การที่อุปสงค์มวลรวมสำหรับสินค้าและบริการมีมากกว่าอุปทานมวลรวมของสินค้าและบริการ
ผลกระทบ = อำนาจซื้อของเงินลดลง การกระจายรายได้เหลื่อมล้ำ อัตราดอกเบี้ยที่เป็นตัวเงินสูงขึ้น ผลที่มีต่อการคลังของรัฐบาล ผลที่มีต่อดุลการชำระเงินของประเทศ ผลที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
การเเก้ไข = - การใช้มาตรการของนโยบายการเงิน
- การควบคุมโดยตรง
- การใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของสถาบันการเงิน
เงินฝืด
หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วๆ ไปลดลงเรื่อยๆ และต่อเนื่องผลของภาวะเงินฝืดจะตรงข้ามกับภาวะเงินเฟ้อ กล่าวคือผู้มีรายได้ประจำและเจ้าหนี้จะได้รับประโยชน์ส่วนพ่อค้า นักธุรกิจ และผู้ถือหุ้น จะเสียเปรียบ ในภาวะเช่นนี้ทำให้ผู้ผลิตขายสินค้าไม่ออก การผลิต การลงทุนและการจ้างงานลดลง ทำให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น
สาเหตุ = สาเหตุที่ทำให้เกิดเงินฝืด คือ ความต้องการซื้อสินค้าและบริการมีน้อยกว่าปริมาณสินค้าและบริการที่ผลิตได้หรืออุปสงค์มวลรวมน้อยกว่าอุปทานมวลลรวม (AD<AS) ซึ่งทำให้เกิดอุปทานส่วนเกิน (Excess Supply) หรือสินค้าขายไม่ออก นอกจากนี้ยังส่งผลให้ธุรกิจลดปริมาณการผลิต
ผลกระทบ = เกษตรกร พ่อค้าและนักธุรกิจ ผู้มีรายได้ประจำลูกหนี้และเจ้าหนี้ รัฐบาล
การเเก้ไข = เมื่อเกิดภาวะเงินฝืดสามารถแก้ไขได้โดยนโยบายการเงินและนโยบายการคลังเช่นกัน เพราะนโยบายทั้งสองนี้ นอกจากจะมีมาตรการในการลดการใช้จ่ายมวลรวมแล้ว (ในกรณีแก้ไขภาวะเงินเฟ้อ) ก็ยังมีมาตรการในการช่วยให้การใช้จ่ายมวลรวมเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถจัดอุปทานส่วนเกินให้หมดไปได้ภาวะเงินฝืดก็จะสินสุดลง มาตรการที่แก้ไขภาวะเงินฝืด